เฮอร์เนสส์ สะใจ ซิตี้ และ ปารีส ยังไม่เคยได้แชมป์ UCL

เฮอร์เนสส์ นั้นหวงเป็นอย่างยิ่งว่า สโมสรเสือใต้ของเขา จะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และดีกว่าทีมดังจากอังกฤษและฝรั่งเศส แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ

อูลี่ เฮอร์เนสส์ อดีตประธานสโมสรบาเยิร์น มิวนิค นั้นมีความสุขอย่างมาก ที่ได้เห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในเวทียุโรปเลย

ทีมดังจากฝรั่งเศส อย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และจากอังกฤษ อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นสองทีมที่โด่งดังในปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขายังไม่เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี่ยน ลีก มาครองได้เลย แม้จะเคยเข้าชิงกันทั้งสองทีมแล้วก็ตาม “แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยังไม่เคยประสบความสำเร็จในยุโรปเลยสักครั้งเดียว” เฮอร์เนสส์ กล่าว

“และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเราชนะพวกเขา มันทำให้ผมมีความสุขมากๆ มันทำให้เห็นว่า เงินของพวกเขามันยังไม่พอหรอก ผมไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประธานสโมสรของพวกเขา ชอบฟุตบอลจริงๆหรือไม่ หรือแค่เป็นธุรกิจเท่านั้น”

ซาบิตเซอร์ ไม่สนต่อสัญญาใหม่กับ ไลป์ซิก

มาเซล ซาบิตเซอร์ มิดฟิลด์กัปตันทีมอาร์เบ ไลป์ซิก แสดงความจำนงกับสโมสรว่าเขาไม่ต้องการที่จะต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีม ตามการรายงานของสื่ออย่าง Goal และ SPOX ท่ามกลางข่าวลือกับทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

มิดฟิลด์ทีมชาติออสเตรีย นั้นมีสัญญาระยะยาวกับทีมอาร์เบ ไลป์ซิก จนถึงปี 2022 แต่กระนั้นก็คาดว่าจะไม่มีการต่อสัญญาฉบับใหม่ เป็นที่แน่นอนแล้ว เนื่องจากนักเตะไม่ต้องการเซ็นสัญญาฉบับใหม่

อีกทั้งการรายงานของสื่ออย่าง Bild สื่อดังขอวงเยอรมนี เปิดเผยว่าทีมอย่าง บาเยิร์น มิวนิค กำลังให้ความสนใจในการคว้าตัว มาเซล ซาบิตเซอร์ มาร่วมทีม 

แน่นอนว่ากุนซือใหม่ของทีม “เสือใต้” อย่าง จูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ นั้นเคยร่วมงานกับ มาเซล ซาบิตเซอร์ ในทีมอาร์เบ ไลป์ซิก และมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้กับมิดฟิลด์วัย 27 ปี รายนี้ ซึ่ง อาร์เบ ไลป์ซิก นั้นสุ่มเสี่ยงที่จะเสีย มาเซล ซาบิตเซอร์ ไปแบบฟรีๆ ถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับทีมได้ก่อนสิ้นสุดสัญญาในปี 2022

บทสรุปของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2019-20 เสือใต้เหนือกว่าเปแอสเช

ไม่มีใบแดง ไม่มีปัญหาในสนาม ไม่ได้มีการโต้เถียงกันมากมายนัก สำหรับเกมการแข่งขัน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ บาเยิร์น มิวนิค โดยเป็นการตัดสินที่ค่อนข้างยุติธรรม ไม่ได้มีข้อโต้แย้งใดๆ กับจังหวะต่างๆ ก่อนที่เกมนี้จะถูกตัดสินโดยประตูเดียว

เกมนี้ไม่ได้มีประตูเกิดขึ้นมากมายเหมือนกับปี 2005 และ 1994 เกมพลิกล็อคอย่างปี 1996, 1997 และ 1998 หรือเกมที่มีดราม่าอย่างปี 1999 และ 2012 โดยทั้งสองทีมก็มีโอกาสทำประตูจะแจ้งไม่ได้แตกต่างกันมากนัก หลังต้องเจอกับฤดูกาลที่ยาวนาน เมื่อไวรัสโควิด-19 ระบาด ทำให้ช่วงระยะเวลาเลยนานกว่าปกติถึง 5 เดือน

มันเป็นการแข่งขันของสองทีมที่ได้รับการยกย่องให้เป็นอันดับต้นๆ ของยุโรป โดยเฉพาะขุมกำลังในเกมรุกที่ทำประตูไปได้มากมาย โดยนับเป็นบททดสอบที่ชัดเจนของเปแอสเช เมื่อตามหาแชมป์สมัยแรก ในขณะที่บาเยิร์น ต้องการคว้าแชมป์รายการนี้เป็นสมัยที่ 6 ก่อนที่จะกลายเป็นลูกทีมของฮานซี่ ฟลิค ที่ประสบความสำเร็จ เมื่อได้ประตูชัยจากคิงส์ลีย์ โกม็อง

กับผลการแข่งขันของเกมนี้ยังทำให้บทพิสูจน์ที่ว่าเงินไม่สามารถซื้อความสำเร็จได้ยังคงอยู่ แม้ทีมจะกวาดแชมป์ในฝรั่งเศสมาได้ทั้งหมดทุกรายการในฤดูกาล 2019-20 แม้ชื่อนักเตะและสตาร์ของทีมแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่หากมองถึงการเล่นโดยรวมของทีม บาเยิร์นดูจะกลายเป็นทีมที่เป็นต่อมากกว่า หามองไปยังการประสานงานของนักเตะในทีม

อังเคล ดิ มาเรีย, คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ และเนย์มาร์ เป็นนักเตะที่มีโอกาสทำประตูหลายครั้งในเกมนี้ ซึ่งรวมถึงจังหวะของอันเดร เอร์เรร่า แต่ก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ ในขณะที่จังหวะการเล่นของทีมจากเยอรมันดูไหลลื่นมากกว่า เมื่อมองไปยังจังหวะการทำประตูของทีม เมื่อติอาโก้ อัลคันทาร่า ผ่านบอลไปให้โจชัว คิมมิช และผ่านต่อไปแซร์ก กนาบรี้ ที่ตัดหลังเข้ามาให้โธมัส มุลเลอร์สะกิดกลับมาให้คิมมิชเปิดบอลไปให้โกม็องที่สอดเข้ามาจากข้างหลัง จนโหม่งเข้าประตูไป

กับเรื่องสภาพจิตใจและประสบการณ์ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน เมื่อเวลาใกล้หมดลง นักเตะของเปแอสเชเหมือนจะเสียสมาธิและจังหวะของตัวเองไปมากขึ้น กับการทำฟาวล์นักเตะของบาเยิร์น จนถูกใบเหลือง ทั้ง เนย์มาร์, ติอาโก้ ซิลวา และเลย์แว็ง คูร์กซาว่า

อีกหนึ่งความยอดเยี่ยมของเกมนี้คงหนีไม่พ้นมานูเอล นอยเออร์ ที่ช่วยทีมป้องกันประตูได้หลายครั้ง กับจังหวะการยิงประตูของเอ็มบั๊ปเป้ หรือจังหวะหลุดเข้าในกรอบเขตโทษของเนย์มาร์ เมื่อมือกาวชาวเยอรมันยืนถูกที่ และป้องกันได้ทั้งหมด