นีล วอร์น็อค ผู้จัดการทีม คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ยอมรับว่าการซื้อขายนักเตะของสโมสรในช่วงฤดูร้อนทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและยืนยันว่าจะซื้นักใหม่เข้ามากอบกู้สถานการณ์ของทีมในช่วงตลาดนักเตะเดือนมกราคม ทีมบลูเบิร์ดใช้เงินไปแล้ว 27 ล้านปอนด์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาโดยเป็นการซื้อตัว จอร์ช เมอร์ฟี่, บ็อบบี้ รีด และ อเล็กซ์ สมิธี่ส์ ขณะเดียวกันก็มีการยืมตัวกองกลางอย่าง แฮร์รี่ อาร์เตอร์ และ วิคเตอร์ คามาราซ่า อย่างไรก็ตาม วอร์น็อค เชื่อว่าตอนนี้ทีมจำเป็นจะต้องมีผู้เล่นเพิ่มมากขึ้นเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับทีมในการอยู่รอดในพรีเมียร์ลีก
“การเล่นในลีกแชมเปี้ยนส์ชิพเป็นเรื่องยาก แต่ผมคิดว่าเราได้เรียนรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับพรีเมียร์ลีกแล้ว มันต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก และเราอาจจะทิ้งเป้าหมายหลักไปมันไม่ใช่การเล่นในลีกแชมเปี้ยนส์ชิพที่คุณสามารถรอจนกว่าจะถึงสิ้นเดือนสิงหาคม และเราพบด้วยตัวเองว่าทีมของเราพยายามที่จะเซ็นสัญญากับ 2 กองกลางก่อนวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ และเราไม่ได้จัดการที่จะนำตัวกองหน้าเข้ามาในช่วงฤดูร้อนครั้งล่าสุด ฤดูร้อนล่าสุดจึงเป็นช่วงเวลาที่ยากที่สุดที่ผมเคยพบมาในอาชีพของตัวเอง เราจำเป็นต้องมีผู้เล่น 2 หรือ 3 คนที่มีคุณภาพเพื่อเพิ่มในทีมปัจจุบันของเรา เราจำเป็นต้องได้รับประตูจากกองหน้ามากขึ้น ผมรู้สึกผิดหวังที่จะยอมรับเป้าหมายเรื่องการทำประตูของทีม แต่ผมก็ยังคิดว่าเราน่าจะทำประตูกันได้มากขึ้นในฤดูกาลนี้ เราจำเป็นจะต้องจ่ายเงินออกไป เพื่อแลกกับผู้เล่นคุณภาพ 3 หรือ 4 คน แต่อาจต้องแลกกับการขายใครบางคนหรือแลกเปลี่ยนบางส่วน นั่นคือสถานการณ์ในเดือนมกราคม” วอร์น็อค บอกกับ Wales Online คาร์ดิฟฟ์ ขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 19 ในตารางพรีเมียร์ลีก โดยมีเพียงแค่ 2 คะแนนจากการลงเล่น 7 เกม