นักเตะกองหลัง จอมถล่มประตู มีใครกันบ้าง ?

แม้ว่าหน้าที่หลักของกองหลังก็คือการป้องกันการทำประตูจากฝ่ายตรงข้าม แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ากองหลังจะเป็นจอมยิงประตูไม่ได้ เพราะมีกองหลังบางคนที่ทำประตูได้ดี กลายเป็นทีเด็ดของทีมที่พึ่งพาได้เวลาที่กองหน้าอยู่ในสถานการณ์ปืนฝืด โดยเฉพาะกองหลัง 5 คน ต่อไปนี้ ที่มีสถิการทำปะตุที่ยอดเยี่ยมและดีกว่ากองหน้าหลายๆคนเลยด้วย

1.เลตัน เบนส์ (เอฟเวอร์ตัน)

แบ็คซ้ายของสโมสรเอฟเวอร์ตันเป็นตัวเลือกแรกในการเตะลูกจุดโทษ และฟรีคิกของทีม เบนส์ ยิงประตูได้ 42 ลูก โดยเป็นการยิงให้กับเอฟเวอร์ตัน 38 ลูก ทั้งหมดมาจากฟรีคิกและจุดโทษ ซึ่งถือเป็นเครื่องหมายการค้าของเบนส์ไปแล้ว

2.คริส สมอลลิ่ง (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

แม้จะไม่ใช่กองหลังที่แฟนบอลปลื้มมากนัก แต่สมอลลิ่ง กองหลังทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นให้กับทีมปีศาจแดงโดยสามารถยิงได้ถึง17 ประตู จากการลงเล่น 308 นัด ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งกองหลัง เช่นในฤดูกาล 2017/18 ที่ผ่านมา สมอลลิ่ง ทำประตูได้ 3 เกมต่อเนื่อง ในนัดที่เจอกับ คริสตัล พาเลซ ,แมนเชสเตอร์ ซิตี้และ บอร์นมัธ

3.เคราร์ด ปิเก้ (บาร์เซโลน่า)

ตั้งแต่ปี 2008 ที่ย้ายมาเล่นให้บาร์เซโลน่า ถูกยกย่องว่าเป็น 1 ใน กองหลังที่ดีที่สุดในโลก และได้รับรางวัลทั้งกับสโมสรและทีมชาติสเปนมากมาย เขาทำประตูได้ 49 ประตูในฐานะกองหลังและมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งที่ถูกดันให้เป็นกองหน้าเวลาที่ทีมต้องการ

4.เซร์คิโอ รามอส (เรอัล มาดริด)

เซร์คิโอ รามอส เป็นตัวอย่างของกองหลังที่ทำหน้าที่ได้ดีทั้งในการป้องกันประตูและการขึ้นไปทำประตู รามอสทำได้มากถึง 89 ประตูในอาชีพการค้าแข้ง (นับจนถึงเวลานี้) โดยเฉพาะการขึ้นไปรอโหม่งทำประตูจากลูกเตะมุมที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเครื่องหมายการค้าของกองหลังรายนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะประตูสำคัญๆ ในศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก เช่น ในปี 2014 ที่รอัลมาดริดเอาชนะเพื่อนร่วมเมืองอย่าง แอตเลติโก มาดริด ไป 4-1 รวมทั้งประตูสำคัญๆอีกหลายลูก

5.โรแบร์โต้ คาร์ลอส

โรแบร์โต้ คาร์ลอส ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในแบ็คซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก คาร์ลอสทำประตูได้ถึง 113 ประตู ในระดับสโมสรทั้งกับอินเตอร์ มิลาน ในอิตาลี แต่ช่วงที่ดีที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเจ้าตัวเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ในสเปน รวมทั้งในเกมส์ทีมชาติ โดยเฉพาะชื่อเสียงในด้านการยิงลูกฟรีคิก ซึ่ง 71 ประตู ที่คาร์ลอสทำได้นั้นเป็นการยิงให้กับช่วงที่เล่นให้ เรอัล มาดริด

ลิโอเนล เมสซี่ กับแชมป์ฟุตบอลโลก

เหลือแค่แชมป์ฟุตบอลโลกเท่านั้นที่นักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นหมายเลข 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ยังไม่ได้ และหากจะว่ากันตามตรงแล้วบางทีฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เมสซี่จะมีโอกาสได้แชมป์ นั่นเพราะเวลานี้เมสซี่อายุ 30 ปี ในฟุตบอลโลกครั้งต่อไปเขาจะมีอายุ 34 ปี ซึ่งหากว่ากันตามวิถีของนักฟุตบอลอาชีพเมสซี่จะเลยจุดสูงสุดของชีวิตนักฟุตบอลไปแล้ว เหลือเพียงแค่จะประคองตัวให้ได้ดีแค่ไหนแค่นั้น ซึ่งก็จะคล้ายๆกับที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้ คู่แข่งบารมีที่อายุมากกว่าและในที่สุดก็ต้องปรับบทบาทตัวเองลงมาให้ใช้แรงน้อยลง ซึ่งเมสซี่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องทำแบบนั้นบ้าง

สำหรับโอกาสที่อาร์เจนติน่าจะไปถึงแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 นั้น ก็แน่นอนว่า ทีมฟ้าขาว เป็น 1 ในทีมเต็งแชมป์แน่นอน แต่หากเราวิเคราะห์องค์ประกอบในทีมก็จะพบว่ามีอาร์เจนติน่าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างทีมเต็งอื่นๆ และหากจะได้แชมป์ก็ต้องหมายความว่าเมสซี่จะต้องแบกภาระจนหลังแอ่นแน่นอน ดูง่ายๆจากรอบคัดเลือกที่ผ่านมาอาร์เจนติน่ากว่าจะผ่านเข้ามาได้ก็ต้องลุ้นจนเกือบนัดสุดท้าย ส่วนหนึ่งเพราะที่เป็นปัญหาก็คือคุณภาพของผู้เล่น ซึ่งดูไม่ดีเอาเลยตั้งแต่ผู้รักษาประตูจนถึงกองหน้า

– ผู้รักษาประตู ทั้งมือ 1 และ 2 วิลลี่ กาบาเยโร่ และ เซร์คิโอ โรเมโร่ ไม่มีแม้กระทั่งตำแหน่งตัวจริงในต้นสังกัดทั้งเชลซีและ แมนฯยูไนเต็ด

– กองหลัง นิโกลัส โอตาเมนดี้ และ เฟเดริโก้ ฟาซิโอ ที่เล่นในสโมสรระดับท็อป ในขณะที่คนอื่นๆจัดเป็นผู้เล่นในระดับ B หรือ C เท่านั้น

– กองกลาง ฮาร์เวีย มาสเคราโน่ ที่เป็นตัวหลักของทีมมาหลายปีก็เลยจุดสูงสุดของอาชีพไปแล้วจนไปหากินในลีกจีน เอแวร์ บาเนก้า กับอังเคล ดิมาเรีย ก็ฟอร์มไม่คงที่ ลูคัส บีญ่า ก็มีอาการบาดเจ็บรวบกวนจนไม่แน่ว่าจะติดทีมชาติมาด้วยหรือไม่ รวมทั้ง ดิเอโก้ เปร็อตติ ด้วย ส่วนกองกลางคนอื่นๆก็เป็นนักเตะในระดับพื้นๆที่ไม่น่าจะฝากความหวังไว้ทั้งสิ้น

– กองหน้า แน่นอนว่าภาระหนักจะอยู่ที่เมสซี่ และ อาจจะจับคู่กับคนใดคนหนึ่งระหว่าง กอนซาโล่ อิกัวอิน หรือ กุน อเกวโร่ แต่ปัญหาก็คือ อิกัวอินนั้นไม่เคยเป็นนักเตะที่ฝากความหวังได้จริงๆเมื่อลงเล่นในนัดสำคัญเลย ในขณะที่กุนก็ไม่เคยได้อยู่ในฐานะนักเตะที่ทีมชาติจะพึ่งพาได้แถมยังมีอาการบาดเจ็บง่ายอีกต่างหาก

นั่นหมายความว่าอาร์เจติน่าของเมสซี่นั้นจะต้องอาศัยโชคไม่น้อยเลยทีเดียวหากจะไปให้ถึงฝัน และบางทีเมสซี่อาจจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสแชมป์ฟุตบอลโลกตลอดชีวิตเลยก็ได้